ใครอยากล่าแสงเหนือต้องตามไปดู Top 7 places to see Northern Lights in Europe



Writer: Vee

อะไรคือสิ่งที่เราอยากทำมากที่สุดสักครั้งในชีวิตกันนะ? เราเชื่อว่าทุกคนต้องมีอย่างน้อยสักหนึ่งอย่างแหละ หรือจะมีเป็นลิสท์เลยก็ได้ไม่ว่ามันจะเป็นการไปปีนเขา เดินป่า หรืออะไรที่ดุเดือดกว่านั้นที่คุณฝันว่าอยากจะทำเช่น โดดร่ม หรือ ว่ายน้ำท่ามกลางหมู่ฉลามขาว แต่เราว่ายังมีอีกหนึ่งกิจกรรมที่เราเชื่อว่าเป็นความฝันของใครหลายๆคนรวมทั้งเราด้วยที่อยากจะทำสักครั้งในชีวิตนั้นก็คือการไปชมแสง Aurora ยังไงหละ หรือที่หลายๆคนรู้จักกันในชื่อ แสงเหนือหรือแสงใต้นั้นเอง มันคือความงดงามจากธรรมชาติที่เชิดฉายลงบนพื้นท้องฟ้าราวกับใช้เวทมนต์เสกมันขึ้นมาจริงๆนะ ซึ่งที่ๆจะหาชมได้ก็ต้องเป็นจุดที่อยู่ละติจูดสูงๆแถบๆ อาร์กติก และ แอนตาร์กติกา เท่านั้นด้วย เพิ่มเติมอีกนิดนึงเป็นเกร็ดความรู้ให้ฟังนะ เจ้าแสง Aurora เนี่ยถ้าไปดูที่ขั้วโลกใต้ก็จะเรียกว่าแสงใต้ไม่ต้องสงสัยเลยแต่ความแตกต่างคือแสงที่เกิดขึ้นที่ขั้วโลกใต้เนี่ยจะเป็นแสงสีชมพูหรือส้ม ส่วนแสง Aurora ที่เกิดขึ้นที่ขั้วโลกเหนือซึ่งเรียกว่าแสงเหนือเนี่ยจะมีสีเขียวเป็นส่วนใหญ่ และนอกจากนี้แสงเหนือดูจะเป็นที่น่าสนใจและได้รับความนิยมมากกว่าแสงใต้สำหรับนักล่าแสงออโรร่าเนื่องด้วย ค่าใช้จ่าย ที่พัก และการเดินทาง ที่เอื้ออำนวยมากกว่าการไปขั้วโลกใต้ และนั้นเป็นเหตุผลที่คนชอบไปยุโรปทางตอนเหนือกันเพื่อตามล่าแสงเหนือ แล้วคุณหละบังเอิญเกิดเป็นนักล่าแสงเหมือนกันด้วยไหม ถ้าใช่ก็ตามมาเลย



▼ Finland ▼
  • จุดชมแสงเหนือที่ดีที่สุด: Inari
  • ช่วงเวลาที่ดีที่สุด: December - March
👉 Traffic suggestions:
  • เดินทางโดยเครื่องบิน: จาก Helsinki มุ่งหน้าสู่สนามบิน Ivalo ใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมงครึ่ง และค่าโดยสารจะอยู่ที่ประมาณ €100 ถึง €300
  • เดินทางโดยรถไฟ: รถไฟจะไปถึงแถวๆหมู่บ้านซานต้าคลอสในเมือง Rovaniemi จากนั้นคุณจะต้องนั่งรถบัสไปต่อ ค่าใช้จ่ายประมาณ €60
  • เดินทางโดยรถบัส: หลังจากถึงสนามบิน Ivalo คุณสามารถนั่งรถบัสต่อไปยังเมือง Inari โดยมีค่าโดนสารประมาณ €30 เช็คตั๋วรถบัสได้จากเวปไซต์นี้เลยนะจ่ะ https://matkahuolto.fi/en/ .
👉 Must experience itinerary:
  • อย่างแรกเลยที่ห้ามพลาดคือการไปนอนที่โรงแรมเรือนกระจก ที่ฟินแลนด์นี้มีโรงแรมที่เปิดให้เข้าพักโดยเป็นห้องที่มีโดมกระจกคุณสามารถนอนดูดาวได้อย่างรื่นรมณ์และหากโชคดีกว่านั้นคุณอาจจะได้พบกับแสงเหนือระหว่างที่นอนอยู่ข้างๆคนพิเศษอีกด้วย โรแมนติคสุดๆไปเลยใช่ไหมหละ
  • หมู่บ้านซานตาคลอส เป็นอีกหนึ่งที่ๆไม่ควรพลาด เราเชื่อว่าทุกคนคงได้ยินเรื่องราวของชายแก่มีหนวดสีขาวมาใส่ชุดแดงคอยแจกของขวัญมาตั้งแต่จำความได้ ที่นี่ไม่เพียงแต่จะให้คุณมาสัมผัสถึงบรรยากาศแต่พิเศษไปกว่านั้นคือคุณสามารถเป็นซานตาคลอสได้เองเลย คุณสามารถเขียนโปสการ์ดและการ์ดเหล่านั้นก็จะถูกส่งไปให้เด็กๆทั่วโลกเพื่อเป็นของขวัญวันคริสต์มาสด้วยแหละ 
  • เจ็ทสกีหิมะเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมแบบเอ้าดอร์ที่ได้รับความนิยมแถบจะทุกๆที่ในประเทศกลุ่มนอร์ดิก หากคุณเคยขับเจ๊ทสกีในน้ำมาแล้วจะไม่ลองสัมผัสประสบการณ์การขับบนหิมะดูหน่อยหรอ ส่วนราคานี่ก็มีหลากหลายมากนะแล้วแต่ร้านที่ให้เช่าเลยแต่ส่วนใหญ่จะอยู่ที่ €100 แถมหากคุณคิดว่าขับไม่แข็งแต่ก็ยังอยากลองเขาก็มีคนนำทางไปกับคุณด้วยนะ
  • Elk sleigh หรือการไปลองนั่งรถลากเลื่อนมีให้เลือกทั้งกวางเรนเดียร์ หรือ เจ้าฮัสกี้ รับรองว่าคุณจะต้องได้ภาพสุดประทับใจกลับไปเป็นที่ระลึกไว้อวดเพื่อนๆอย่างแน่นอน
☆ Little Tips: 

ที่ฟินแลนด์จะใช้เงินยูโรเป็นหลักนะ แต่หากต้องการจะใช้บัตรจ่ายก็นับว่าสะดวกเหมือนกัน และช่วงเวลาที่ดีที่สุดที่จะไปเยี่ยมเยือนประเทศนี้คือช่วงเดือนธันวาคมและมกราคม เพราะเป็นช่วงที่เกิดแสดงเหนือมากที่สุด แถมสภาพอากาศก็เหมาะสมเป็นใจที่สุดไม่มีมีเมฆมาบดบัง ดังนั้นความเป็นไปได้ที่คุณจะได้พบกับแสงเหนือก็ย่อมมีสูงด้วยเช่นกัน

☆ Local Tourism: https://visitinari.fi/ 

---

▼ Norway ▼
  • จุดชมแสงเหนือที่ดีที่สุด: Tromso
  • ช่วงเวลาที่ดีที่สุด: Late September to Early April
Photo Credit: travelandleisure

👉 Traffic suggestions:

  • คุณสามารถเดินทางด้วยเครื่องบินจาก Oslo มุ่งหน้าสู่สนามบิน Tromso ซึ่งจะใช้ระยะเวลาเดินทางประมาณหนึ่งชั่วโมงครึ่งและค่าโดยสารประมาณ €100 ถึง €300
  • จากนั้นนั่งรถบัสจากสนามบินเข้าสู่เมือง Tromso โดยใช้เวลาประมาณ 10 นาที โดยคิดค่าโดยสารราวๆ €10
👉 Must experience itinerary:

ตัวเมือง Tromso นั้นไม่ได้ใหญ่โตอะไรมากมายนัก คุณสามารถเดินชมรอบๆทั่วตัวเมืองโดยไม่ต้องใช้รถโดยสารซึ่งจุดที่น่าสนใจที่ควรไปเยี่ยมชมก็จะมีดังนี้ "Tromso Visitor Center", "Arctic Cathedral", "Tromso Cable Car", "The Polar Museum" และอื่นๆตามความสนใจ หากคุณต้องการจะทำกิจกรรมเอ้าดอร์เช่น การเล่นสกี นั่งรถลากเลื่อน หรือไปดูปลาวาฬ คุณก็สามารถจองโปรแกรมได้ที่ Visitor center เลย

☆ Little Tips: 

แม้ว่าเมือง Tromso จะตั้งอยู่ในเขตรอบของอาร์กติกเซอร์เคิล ซึ่งมันน่าจะหนาวเย็นจับใจเลยถูกต้องไหมตามหลักแล้ว แต่ด้วยจุดที่ตั้งของเมืองนั้นรอบรอบไปด้วยกระแสน้ำอุ่นทำให้อากาศที่นี่อุ่นใช้ได้เลยถ้าเทียบกับจุดชมออโรร่าที่อื่น นั้นทำให้ที่นี่ถูกเลือกให้เป็นจุดชมแสงเหนือที่ดีที่สุดโดย CNN

☆ Local Tourism: https://www.tromsoaurora.com/


---

▼ Sweden ▼
  • จุดชมแสงเหนือที่ดีที่สุด: Abisko
  • ช่วงเวลาที่ดีที่สุด: September - March

👉 Traffic suggestions:

  • การเดินทางด้วยเครื่องบินคุณสามารถขึ้นเครื่องได้ที่ Stockholm ไปยังสนามบิน Kiruna ด้วยจะใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมงเครื่อง หากคุณจองตั๋วล่วงหน้าค่าตั๋วจะอยู่ที่ประมาณ €170
  • การเดินทางด้วยรถไฟจาก Stockholm คุณสามารถเดินทางด้วยรถไฟกลางคืนไปยัง Abisko, ซึ่งใข้เวลาประมาณ 18 ชั่วโมงและค่าตั๋วจะอยู่ที่ราวๆ €80

👉 Must experience itinerary:

  • แน่นอนว่ากิจกรรมทางหิมะยังเป็นสิ่งที่พลาดไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็น การเล่นสกี การขับเจ๊ทสกีหิมะ หรือนั่งรถลากเลื่อน
  • การตกปลาในน้ำแข็ง คุณจะได้สัมผัสเรียนรู้วิธีการตั้งแต่การเจาะน้ำแข็งไปจนถึงการจับไปปลาจากคนท้องถิ่นเลยเรียกว่าหาที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว
  • Ice hotel เป็นอีกหนึ่งที่ๆไม่ควรพลาดถ้าให้ดีควรพักค้างคืนเลย แต่ถ้าต้องการจะไปเยี่ยมชมก็มีสิ่งที่น่าสนใจไม่ว่าจะเป็นโบสถ์น้ำแข็ง หรือแวะไปดื่มๆไวน์ดีๆสักแก้วที่บาร์น้ำแข็งนี่ก็ไม่เลวนะ 

☆ Little Tips: 

เมื่อพูดถึงแสงเหนือแล้ว สวีเดนอาจจะไม่ใช่เป้าหมายยอดฮิตสำหรับหลายๆคน แต่ความจริงแล้วที่เมืองเล็กๆชื่อ Abisko แห่งนี้ตั้งอยู่ที่ 68.3 ละติจูดองศาเหนือ ซึ่งถือว่าค่อนข้างสูงและมีโอกาศที่จะพบกับแสงเหนือได้ง่ายมาก

☆ Local Tourism: http://www.laplandtrip.com/

---

▼ Greenland ▼
  • จุดชมแสงเหนือที่ดีที่สุด: Kangerlussuaq
  • ช่วงเวลาที่ดีที่สุด: September to April
Photo Credit: visitgreenland


👉 Traffic suggestions: 

จากเดนมาร์กสู่กรีนแลนด์คุณจะไปลงที่สนามิบน Kangerlussuaq ซึ่งถือเป็นเมืองที่มีจุดชมออโรร่าที่ดีที่สุดของประเทศนี้ ระยะเวลาเดินทางจะใช้ราวๆ 6 ชั่วโมงโดยมีค่าโดยสารประมาณ €400

👉 Must experience itinerary:

เนื่องด้วยกรีนแลนด์เป็นประเทศที่ประกอบไปด้วย น้ำแข็งและภูเขาทำให้ไม่มีรถบัสหรือรถไฟในประเทศ ดังนั้นการเดินทางค่อยข้างจะเป็นอุปสรรค หากคุณจะเดินทางมาท่องเที่ยวที่นี่คุณควรเช่ารถขับส่วนตัวหรือหาไกด์นำทางจะสะดวกสบายกว่า สิ่งที่ไม่ควรจะพลาดเลยหากมาที่นี่คือการนั่งรถลากเลื่อนด้วยสุนัขเนื่องจากสุนัขลากเลื่อนที่จะเป็นสายพันธ์ที่ถูกเพาะเลี้ยงมาเพื่อการล่าและการเดินทาง ดังนั้นคุณจะได้สัมผัสตัวเป็นๆของมันเลย แต่ต้องมีเจ้าของอยู่ด้วยนะเพื่อความปลอดภัยเพราะมันไม่ใช่สุนัขบ้านทั่วไป

☆ Little Tips:  

หลายๆคนอาจจะคิดว่าบ้านของซานต้าอยู่ที่ฟินแลนด์แต่ความจริงแล้วมันคือกรีนแลนด์ต่างหาก บนเกาะที่ใหญ้ที่สุดในโลกแห่งนี้ ถึงแม้ว่าจะมีคนอยู่หลอมแหลมไปหน่อยก็เถอะ ทุกๆปีที่นี่จะมีวันที่อากาศดีๆฟ้าเปิดอยู่ราวๆ 300 วัน และยิ่งวันที่อากาศที่มากๆ คุณอาจจะได้เห็นแสงเหนือที่ถนนเบื้องหน้าตรงจุดที่เส้นขอบฟ้ามาแตะกับพื้นดินก็ได้ เพราะงั้นคุณอาจเจอเซอไพรซ์มากมายบนเกาะแห่งนี้ได้ทุกที่ทุกเวลา ข้อแนะนำอีกอย่างของการมาที่ๆนี่คือสัญญาณโทรศัพท์ที่นี่ห่วยแตกมาก เตรียมข้อมูลต่างๆมาให้ดีก่อนจะได้ไม่มานั่งปวดหัวทีหลังเดี๋ยวจะเที่ยวไม่สนุกเอานะ


---

▼ Russia 
  • จุดชมแสงเหนือที่ดีที่สุด: Murmansk
  • ช่วงเวลาที่ดีที่สุด: November to February
Photo Credit: gebpowtravel

👉 Traffic suggestions: 
จาก Siberia สู่ Murmansk ใช้เวลาเดินทางโดยเครื่องบินประมาณ สองชั่วโมงครึ่ง ตั๋วค่าโดยสารอยู่ราวๆ €60

👉 Must experience itinerary:

  • Icebreaker: Lenin icebreaker คือเรือตัดน้ำแข็งขนาดมหึมาของโซเวียตที่ใช้พลังงานนิวเคลียร์ถูกปล่อยลงทะเลตั้งแต่ปี 1957 โดยมีภารกิจหลักคือการช่วยเหลือในพื้นที่รอบๆทะเลอาร์กติก ตั้งแต่ปี 2018 เป็นต้นมาเจ้าเรือลำโตนี้ได้จอดเทียบท่าที่เมืองแห่งนี้อย่างถาวรนั้นทำให้มันกลายมาเป็นจุดสนใจแค่นักท่องเที่ยว
  • Sami culture: Sami ถือเป็นหนึ่งในชนพื้นเมืองที่เก่าแก่ที่สุดของรัสเซียกระจายตัวอยู่ทั่วทั้งยุโรปตอนเหนือและประเทศรัสเซีย ขณะที่ชาว Sami ที่อาศัยอยู่ในเมือง Murmansk ยังคงความดั้งเดิมในรูปแบบการใช้ชีวิตไม่ว่าจะเป็น การเดินทางด้วยกวางเรนเดียร์ การแต่งกาย พิธีกรรม ภาษา นั้นทำให้พวกเขามีความโดดเด่ดและลักษณะเฉพาะตัว

☆ Little Tips: 

Murmansk คือเมืองที่ใหญ่ที่อยู่เหนือสุดของรัซเซียและเป็นเมืองที่ใหญที่สุดในอาร์กติกเซอร์เคิล ดังนั้นมันจึงมีอีกชื่อหนึ่งคือ เมืองหลวงแห่งแถบขั้วโลก อากาศที่นี่หนาวจับใจที่ -15 องศา นอกจากนี้เราขอแนะนำเพิ่มเติมว่ามันอาจจะมีโอกาสน้อยสักนิดที่จะพบแสงเหนือในเขตเมืองเพราะแสงไฟจากเมืองค่อยข้างสว่างเกินไปทำไม่มองเห็นแสงเหนือยาก ดังนั้นคุณควรขยับออกไปสักนิดในแถบๆชานเมืองเช่นเมือง Jerzyrka ทางตอนเหนือของ Murmansk เพื่อทัศนวิสัยที่ดีกว่าและเพิ่มความรื่นรมณ์ในการชมแสงเหนือ คนที่นี่เชื่อว่าแสงเหนือนอกจากจะนำความโชคดีมาให้แล้ว มันยังดูดซับอากาศไม่ดีและขจัดทุกปัญหาตลอดทั้งปีอีกด้วย

☆ Local Tourism: https://www.facebook.com/nordtours

---

▼ Iceland ▼

  • Best Locations: all over Iceland
  • Best Months: September to March


👉 Traffic suggestions: 

เวลาในการเดินทางโดยเครื่องบินประมาณสามชั่วโมงครึ่ง ตั๋วถ้าซื้อล่วงหน้าไว้นานๆก็จะยิ่งถูกลงนะ จากนั้นคุณสามารถเดินทางเข้าตัวเมือง Reykjavik ด้วยรถบัสใช้เวลาประมาณ 40 นาที มีการโดยประมาณ €17 สำหรับใครที่ต้องการเช่ารถส่วนตัวจะต้องจองล่วงหน้าและเตรียมเอกสารให้เรียบร้อย

👉 Must experience itinerary:

การรับชมแสงเหนือที่ไอซ์แลนด์นั้นนอกจากการเช่ารถขับเองแล้ว ยังมีกรุ๊ปล่าแสงเหนือที่คุณสามารถเข้าร่วมได้อีกด้วย โดยกลุ่มเหล่านี้จะเปิดกลุ่มตามสภาพอากาศในแต่ละวัน

  • Blue Lake Hot Springs: ที่นี่ถือเป็นหนึ่งในสถานๆที่ต้องมาเยี่ยมชมหากมาถึงแล้ว ซึ่งการเข้าชมจะต้องซื้อตั๋วล่วงหน้าไม่มีขายที่หน้าทางเข้า และจะต้องเข้าชมตามเวลาที่ระบุในตั๋วด้วย โดยตั๋วมีราคาอยู่ที่ประมาณ €52 ถึง €75 
  • Glacier hiking and blue ice caves: ไอซ์แลนด์เป็นที่รู้จักดีในนามของประเทศแห่งไฟและน้ำแข็ง ซึ่งที่นี่ก็มีทริปการปีนธารน้ำแข็งอีกด้วยด้วยจุดที่ได้รับความนิยมสูงสุดคือ Saffta Mountain Glacier และ the Sol Heima Glacier. นอกจากนี้ก็ยังมีจุดอื่นที่น่าสนใจด้วยเช่นกัน แต่เราขอแนะนำไว้หน่อยหนึงว่ากิจกรรมนี้ใช้เวลานานและความแข็งแรงของร่างกายเป็นสิ่งจำเป็น รวมไปถึงสถานที่ในการปีนไม่มีเครื่องอำนวยความสะดวกใดๆและอุณหภูมิต่ำมาก ควรเตรียมตัวให้ดีก่อนไปปีน
  • การเดินถ้ำจะทำได้ช่วงเดือนพฤศจิกายนจนถึงมีนาคมขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ

☆ Little Tips: 

Iceland ถือเป็นหนึ่งในสถานที่ยอดฮิตสำหรับนักท่องเที่ยวหลายปีที่ผ่านมานี้โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวที่ต้องการชมแสงเหนือ เนื่องจากหลังจากที่นี่เข้าสู่ฤดูหนาวแล้วจะค่อนข้างมืดมากทำให้คุณสามารถมองเห็นแสงเหนือได้เป็นอย่างดีถ้าสภาพอากาศเป็นใจ โดยไม่ว่าคุณจะอยู่ส่วนไหนของประเทศก็มีโอกาสพบแสงเหนือได้ทั่วทุกที่ ประเทศนี้ยังคงดึงดูดนักท่องเที่ยวได้อย่างต่อเนื่องแม้ว่าค่าใช้จ่ายจะค่อนข้างสูงก็ตาม

☆ Local Information: https://www.extremeiceland.is

---

▼ United Kingdom ▼

  • Best Location: Scottish Highlands
  • Best Months: November to February
Photo Credit: bbc

👉 Traffic suggestions: 

Scottish highlands กินพื้นที่กว้างขวางมากดังนั้นเราแนะนำให้คุณนั่งรถไฟไปลงที่ Edinburgh หรือ Glasgow จากนั้นเดินทางต่อด้วยรถส่วนตัวหรือทัวร์

👉 Must experience itinerary:

มีทัวร์มากมายหลายขนาดที่ให้บริการใน UK โดยมีโปรแกรมที่แตกต่างกันนอกจากการชมแสงเหนือแล้วก็ยังมีการไปเที่ยวชมสถานที่สำคัญต่างๆเช่น Loch Ness หรือ Sky Island รวมอยู่ในทัวร์ด้วย ผู้เดินทางสามารถปรับเปลี่ยนแผนการเดินทางตามความต้องการตามความสนใจ แต่ควรจองล่วงหน้านะ ซึ่งค่าใช้จ่ายจะขึ้นอยู่กับแผนการเดินทางและจำนวนวันส่วนมากจะเริ่มต้นที่ £139

☆ Little Tips: 
ที่ราบสูงในสก็อตแลนด์ขึ้นชื่อในเรื่องของความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติจนหนังเรื่องแฮร์รี่ยังต้องยกกองมาถ่ายทำกันถึงที่นี่เลยแหละ หากคุณเลือทกี่จะพักแถบๆใกล้ชายฝั่งในช่วงฤดูใบไม้ร่วงหรือฤดูหนาว คุณอาจจะไม่จำเป็นต้องบินข้ามไปแถวประเทศกลุ่มนอร์ดิกเพื่อล่าแสงเหนือแล้วก็ได้

☆ Local tourism reference information: https://www.highlandexperience.com/

---

The peak period of aurora outbreaks before 2023

☆ Aurora prediction website: http://www.aurora-service.eu/aurora-forecast/
นี่เป็นอีกหนึ่งเครื่องมือที่เราเชื่อว่ามีประโยชน์และจำเป็นมากๆในการวางแผนการเดินทางล่วงหน้าสำหรับทริปนี้ต้องขอบคุณเทคโนโลยีในโลกยุคใหม่นี้จริงๆ คุณไม่จำเป็นต้องมานั่งขอพรขอให้ได้พบแสงเหนือแต่ต้องวางแผนให้ดีๆแทนแล้วแหละ

Photo Credit: lonelyplanet

รู้สึกได้แรงบันดาลใจขึ้นมาเลยใช่ไหม จาก 7 ประเทศที่เรากล่าวถึงไป มันสวยงาม น่าสนใจ และยังเต็มไปด้วยวัฒนธรรมอีกด้วย ยังไม่รวมถึงความสวยงามจากแสงเหนือที่คุณอาจจะได้พบนะมันจะยิ่งทำให้การเดินทางครั้งนี้ยิ่งมีคุณค่าเพิ่มขึ้นไปอีกจนคุณต้องไปพบเห็นด้วยสองตาของคุณเอง หากใครที่กำลังเป็นกังวลว่าการเดินทางนี้อาจจะทำให้ปวดหัวอยู่บ้างเพราะมันคงไม่ง่ายเหมือนออกไปเดินห้างอย่างแน่นอน อย่าเพิ่งยอมทิ้งความฝันของคุณนะมันต้องมีทางออกเสมอๆแหละหน่า อย่างน้อยเพื่อความสบายใจหลายๆที่เขามีทัวร์ที่ให้บริการแถมยังสามารถปรับเปลี่ยนแผนการเดินทางได้ตามความต้องการอีกด้วยซึ่งทำให้สะดวกและตรงตามความต้องการของคุณมากที่สุด ถึงจะมีทัวร์ที่ให้บริการและคุ้มค่าแก่การจ่ายแล้วเราอย่างจะขอแนะนำเพื่อนๆไว้สักเล็กน้อยเกี่ยวกับ อากาศ ที่พัก และการเดินทาง โดยอยากให้ทุกคนทำการบ้านเกี่ยวกับสถานที่ๆต้องการจะไปเพื่อการเตรียมตัวเพื่อมันอาจจะยากลำบากในบ้างครั้งแม้ว่าเราจะมีทัวร์แล้วก็ตาม ทั้งนี้เพื่อความราบรื่นตลอดการเดินทางจะได้ไม่มีใครต้องมาหัวเสียหรือหนาวสั่นเพราะเตรียมของมาไม่พร้อมกันนะ สุดท้ายนี้เราหวังว่าคุณคงเจอกับออโรร่าในแบบของคุณพร้อมกับความทรงจำที่ไม่มีวันลืมเลือน

------

・Box Moving |Holiday Storage | Shipping to Thailand
・Follow SNOWL Post to discover UK/EU




Comments

Add LINE@ Friends